สาระความรู้ : เกร็ดความรู้เกี่ยวกับ หัวเทียนมอเตอร์ไซค์

Avatar admin
หัวเทียนมอเตอร์ไซค์

สาระความรู้เกี่ยวกับ หัวเทียนมอเตอร์ไซค์ : คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรกับรถคู่ใจของเราบ้าง ?

หัวเทียนมอเตอร์ไซค์ หรือ Sparkplug เป็นอีกหนึ่งชิ้นส่วนที่มีความสำคัญของ มอเตอร์ไซค์ ที่ไบค์เกอร์ทั้งหลายไม่ควรมองข้าม ถึงแม้งว่าหัวเทียนจะเป็นอุปกรณ์ที่เราไม่ค่อยได้ไปยุงวุ่นวายอะไรด้วยมากนัก แต่ทุกครั้งที่เราใช้รถมอเตอร์ไซค์เจ้าหัวเทียนนี่ก็จะถูกใช้งานไปด้วย ซึ่งแน่นอนหัวเทียนก็เหมือนกับอุปกรณ์ส่วนอื่นๆ ของรถมอเตอร์ไซค์มันเองก็มีการเสื่อมสภาพได้เช่นกัน วันนี้ทาง GGezBikeCo จึงจะพาไปดูว่าเจ้า “หัวเทียน” นี่มีความสำคัญมากน้อยเพียงใด และมันทำงานอย่างไร และเราควรเลือกใช้แบบไหนยี่ห้อไหนดี

หัวเทียนมอเตอร์ไซค์ มีหน้าที่อะไร

หน้าที่ของหัวเทียน

หัวเทียนมอเตอร์ไซค์ การจุดระเบิด

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับหน้าที่ของหัวเทียนก่อนดีกว่า โดยหัวเทียนมันจะทำหน้าที่สร้างประกายไฟในห้องเครื่อง หรืออาจเรียกว่า จุดระเบิดในห้องเผาไหม้ ก็ได้ ซึ่งลักษณะของหัวเทียน โดยมันจะมีเปลือกนอกเป็นโลหะ และมีกระเบื้อง หรือเซรามิก เป็นฉนวนเคลือบอยู่ภายใน ซึ่งขั้วกลางของหัวเทียนนั้นได้รับแรงไฟมาจากสายไฟแรงดันสูง หรือสายหัวเทียน ( High-Tension Leads ) ซึ่งต่อมาจาก จานจ่าย ( Distributor ) อีกทอดหนึ่ง ขั้วกลางของหัวเทียน จะยื่นผ่านศูนย์กลางของฉนวน ออกไปที่บริเวณหัวของหัวเทียน ส่วนเปลือกนอกที่เป็นโลหะ มีขั้วดินติดอยู่

ในปัจจุบัน ฉนวนหัวเทียนนั้นนิยมใช้เซรามิกเนื้ออะลูมินาแทนเนื้อพอร์ซเลน เนื่องจากอะลูมินาเพิ่มความแข็งแรงเชิงกลให้กับเนื้อเซรามิก และยังทำให้เซรามิกสามารถทนไฟได้ที่อุณหภูมิสูงๆ รวมทั้งมีความต้านทานไฟฟ้าที่สูงมาก ทนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างเฉียบพลัน (thermal shock) นำความร้อนได้ดี ทนต่อสารเคมี การสึกกร่อน และการขัดถู มีค่าการสูญเสียไดอิเล็กทริกต่ำมาก และสามารถขึ้นรูปทรงตามต้องการได้ง่ายและแม่นยำอีกด้วย 

หัวเทียนมอเตอร์ไซค์ ส่วนประกอบของหัวเทียน

หัวเทียนมีองค์ประกอบหลัก 3 ส่วน ได้แก่

  1. เปลือก ( shell/body )
  2. ฉนวน ( insulator )
  3. ขั้ว ( electrode ) 

ประเภทของหัวเทียน

ในส่วนประเภทของหัวเทียนนั้นหลักๆ ก็จะมีด้วยกันอยู่ 2 ประเภทนั่นก็คือ หัวเทียนร้อน และ หัวเทียนเย็น และในส่วนนี้ก็จะเกี่ยวข้องกับชนิดของหัวเทียนอีกด้วย เช่น หัวธรรมดา หัวเข็ม หรือหลายเขี้ยว และเบอร์หัวเทียน ซึ่งจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้ ใ น ส่ ว น ป ร ะ เ ภ ท ข อ ง หั ว เ ที ย น นั้ น ห ลั ก ๆ ก็ จ ะ มี ด้ ว ย กั น อ ยู่ 2 ป ร ะ เ ภ ท นั่ น ก็ คื อ < s t r o n g >หั ว เ ที ย น ร้ อ น< / s t r o n g> แ ล ะ หั ว เที ย น เ ย็ น < / s t r o n g > แ ล ะ ใ น ส่ ว น นี้ ก็ จ ะ เ กี่ ย ว ข้ อ งกั บช นิด ข อ ง หั ว เ ที ย น อี ก ด้ ว ย เ ช่ น หั ว ธ ร ร ม ด า หั ว เ ข็ ม ห รื อ หล า ย เ ขี้ ย ว แ ล ะเ บ อ ร์ หั ว เ ที ย น ซึ่ ง จ ะ มี คุ ณ ส มบั ติ ที่ แ ตก ต่ า ง กั น อ อ ก ไ ป ดัง นี้

หัวเทียนร้อน

หัวเทียนร้อน” จะเป็นหัวเทียนชนิดที่มีฉนวนกักเก็บความร้อนภายในของขั้วหัวเทียนค่อนข้างยาว และมีพื้นที่ให้เชื้อเพลิงเข้าไปเสันดาปรอบๆ ฉนวนค่อนข้างลึก ทำให้สามารถสะสมความร้อนไว้ในตัวได้ค่อนข้างมาก เพื่อที่มันจะได้สามารถจุดระเบิดเชื้อเพลิงได้ง่ายโดยไม่ต้องใช้ปริมาณเชื้อเพลิงมากๆ หรือ ใช้กำลังอัดสูงมากๆ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็จะทำการระบายความร้อนออกจากตัวเองได้ค่อนค้างช้าเช่นกัน ทำให้หากเราใช้รถไปจนถึงช่วงที่รอบเครื่องยนต์มากๆ สูงๆ เป็นเวลานานๆ ก็ทำให้เกิดโอกาสที่เชื้อเพลิงจะชิงจุดระเบิดก่อน จนเป็นเหตุให้เครื่องยนต์น็อคไปเลยก็ได้ เพราะเชื้อเพลิงโดนความร้อนจากตัวขั้วหัวเทียนจนจุดระเบิดเอง โดยไม่ได้รอจังหวะประจุจากหัวเทียนจุดออกมาก่อน ดังนั้นหัวเทียนชนิดนี้จึงเหมาะสำหรับเครื่องยนต์เดิมๆ ที่ไม่ได้มีการปรับแต่งใดๆ หรือผู้ที่ไม่ได้ใช้รอบเครื่องยนต์หนักมากๆ เน้นการใช้งานในชีวิตประจำวันมากกว่า

หัวเทียนเย็น

หัวเทียนเย็น” ก็จะมีคุณสมบัติที่ตรงกันข้ามกับหัวเทียนร้อนเลยนั่นก็คือ ความยาวของฉนวนหุ้มขั้วหรือแกนหัวเทียนที่สั้นกว่ามาก และทำให้มันมีพื้นที่ให้เชื้อเพลิงเข้าไปเสันดาปรอบๆ ฉนวนได้ค่อนข้างน้อย จึงทำให้หัวเทียนสามารถระบายความร้อนได้ดีกว่าหัวเทียนร้อน ดังนั้นมันจึงเหมาะอย่างมากที่จะนำเอามาใช้กับเครื่องยนต์ที่มีการการใช้รอบจัดๆ มีการจุดระเบิดถี่ๆ จนทำให้มีความร้อนเกิดขึ้นภายในห้องเครื่องค่อนข้างสูงมาก แต่ในทางกลับกัน ด้วยความที่ตัวมันมีความสามารถในการระบายความร้อนที่ดีมากๆ นั้นจึงทำให้ถ้าหากเรานำมาใช้กับเครื่องยนต์ที่ไม่ได้รอบของเครื่องสูงมากนักหรือใช้รอบต่ำหรือกำลังอัดไม่ได้สูงมาก โอกาสที่ไอน้ำมันมาเกาะกับขั้วและเขี้ยวของหัวเทียนจนทำให้หัวเทียนบอด แล้วสตาร์ทไม่ติดก็มีสูงด้วยเช่นกัน มันจึงไม่เหมาะที่จะนำมาใช้กับ “เครื่องของรถยนต์” หรือ “เครื่องยนต์ที่ถูกปรับแต่งมา” หรือแม้กระทั่งเจ้าของรถ ไม่ได้ใช้งานมันหนักเท่าไหร่นักนั่นเอง

จุดสังเกตุการใช้งานแบบง่ายๆ

  • หัวเทียนร้อน เป็นหัวเทียน ที่ระบายความร้อนออกไปได้น้อย จึงไม่เหมาะที่จะใช้งานกับเครื่องยนต์ที่ใช้งานหนักเป็นเวลานาน เช่น การเดินทางไกล ออกทริป เพราะเมื่อความร้อนสูงขึ้น โอกาสที่หัวเทียนจะชิงจุดระเบิดก่อนจึงมีสูงมาก และอาจส่งผลให้เครื่องยนต์เกิดเสียหายได้ ซึ่งรถที่เหมาะกับหัวเทียนประเภทนี้ คือ รถที่ใช้งานในเมืองเป็นหลัก หรือมีการเดินทางในระยะสั้นๆ
  • หัวเทียนเย็น เป็นหัวเทียน ที่มีความสามารถในการระบายความร้อนได้ง่ายกว่าและดีกว่าหัวเทียนร้อน และมันยังระบายความร้อนออกได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเหมาะเป็นอย่างมากกับรถที่ต้องการเดินทางไกลบ่อยๆ หรือมีการใช้งานรอบสูงต่อเนื่องในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่กลับกัน ถ้านำมาใช้กับรถที่มีการใช้งานเครื่องยนต์ต่ำ ก็อาจจะทำให้เครื่องยนต์เดินไม่ลื่นและเกิดการสะดุดได้ ซึ่งรถที่เหมาะกับหัวเทียนประเภทนี้ คือ รถที่ใช้ในเการเดินทางในระยะไกล รถทัวริ่ง รอมอเตอร์ไซค์ที่มีการใช้งานรอบเครื่องยนสูง หรือรถที่ถูกปรับแต่งเครื่องยนต์มา (รถแข่งเป็นต้น)

สรุปการเลือกใช้ หัวเทียนมอเตอร์ไซค์

อย่างไรก็ตามหากจะให้บอกว่าหัวเทียนแบบไหนเหมาะกับการใช้งานของเรานั้น ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ที่เราสามารถตรวจสอบและสังเกตุได้ เช่น เราไม่ได้ใช้รถในรอบเครื่องยนต์สูงเป็นเวลานานๆ หรือไม่ได้มีการปรับแต่งเครื่องยนต์ ให้มีการทำงานที่หนักมากๆ (เช่นการปรับจูนกล่องใหม่ เปลี่ยนหัวฉีดใหม่) แนะนำว่าให้ใช้หัวเทียนเบอร์เดิมจะดีที่สุด ส่วนเพื่อนๆท่านใดที่มีการนำเครื่องยนต์ไปปรับแต่งมาแล้ว งานนี้อาจจะต้องลองปรึกษากับช่างที่ปรับแต่งกันเองอีกทีแล้วล่ะครับ ว่าที่ทำไปนั้นจะต้องมีการขยับหรือปรับเบอร์หัวเทียนใหม่ด้วยหรือไม่

ติดตาม สาระเกี่ยวกับรถมอเตอร์ไซค์ เพิ่มเติมได้ที่ :  GGezBikeco

ติดตามข่าวจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ :  GGezBikeco

Facebook FanPage : GGezBikeco

เรียบเรียงโดย GGezBikeco

Next Post

10 อันดับ มอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่มาแรงในรุ่นปี 2021

10 อันดับ รถใหม่มาแรง ประจำปี 2021 ผ่านไ […]
10 อันดับ รถใหม่มาแรง ประจำปี 2021 PAGE