3 ประเทศยักษ์ใหญ่ในยุโรป เริ่มดำเนินแผนการพัฒนาธุรกิจรถ EV ด้วยการเพิ่ม จุดบริการชาร์จ ให้มากขึ้นทั่วประเทศ โดยหวังพลักดันให้รถ EV เข้ามามีบทบาทและช่วยลดมลพิษ
นำโดย 3 ยักษ์ใหญ่ในประเทศแถบยุโรป ฝรั่งเศส สเปน และ อิตาลี ได้ดำเนินการตามแผนการพัฒนาประเทศสู่โลกอนาคตด้วยวิธีการต่างๆ ส่วนหนึ่งเพื่อควบคุมมลพิษ คล้ายกับกฏข้อบังคับเกี่ยวกับมาตรฐาน Euro5 ซึ้งแม้จะมีแผนสำหรับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลและแก๊สในอนาคตอยู่แล้ว ตลอดจนมีกฎหมายที่กว้างขวางในเรื่องนี้ แต่ส่วนสำคัญในโครงสร้างพื้นฐานของ รถยนต์ไฟฟ้า หรือแม้แต่ มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ก็ยังล้าหลังมาก อาธิ กฏหมายคุ้มครองด้านความปลอดภัยในการใช้งานรถไฟฟ้า ตลอดจนปัญหาสำคัญคือการผ่านมาตรฐานเกี่ยวกับการให้บริการ จุดบริการชาร์จ อัจฉริยะ สำหรับรถ EV ซึ่งขณะนี้การศึกษาของสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งยุโรป (ACEA) ได้เน้นย้ำถึงความแตกต่างของสถานีชาร์จไฟฟ้าในกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป
” ความเหลื่อมล้ำจะขัดขวางการนำ EV มาใช้หรือไม่ ? “
ยังคงเป็นคำถามสำคัญในการก้าวข้ามยุคสมัยเมื่อประชาชนทุกคนยังไม่สามารถเข้าถึงบริการตลอดจนการใช้งานรถแห่งอนาคต ไม่สามารถกระจายไปในทุกส่วนของประเทศ ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้า ค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้สำหรับรถ EV นั้นอาจสูงกว่ารถเครื่องเบนซินหรือดีเซล หากมีกฏห้ามใช้งานรถเครื่องยนต์น้ำมันจริงมันก็คงจะเป็นเรื่องเศร้าที่หลายครอบครัวอาจไม่สามารถเข้าถึงรถแห่งอนาคตนี้ได้
ตามรายงาน เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และเยอรมนี มีตำแหน่งที่ชาร์จเฉลี่ย 70% ของการสำรวจทั่วที่ตั้งทั้งสาธารณะทั้งยุโรป ในขณะที่จากการสำรวจในประเทศอิตาลีมีตำแหน่งชาร์จทั้งหมดในประเทศ 13,073 แห่ง และ สวีเดนสร้างสถานีไปแล้วถึง 10,370 แห่ง
จากรายงานจะพบว่าภาพกราฟฟิก แสดงให้เห็นว่าทั้งไซปรัส มอลตา ลิทัวเนีย บัลแกเรีย กรีซ มีที่ตั้งทั้งหมดรวมกัน 809 แห่ง การศึกษาของ ACEA ยังระบุถึงความแตกต่างทางด้านเศรษฐกิจระหว่างสมาชิกสหภาพยุโรป ด้วยพื้นที่เพียง 0.8 เปอร์เซ็นต์ ของพื้นที่ในสหภาพยุโรป ชาวดัตช์มีหน้าที่รับผิดชอบ 29.7 เปอร์เซ็นต์ ของจุดชาร์จไฟฟ้า ในทางกลับกันนั้น โรมาเนียประกอบด้วยพื้นที่ 5.8 เปอร์เซ็นต์ ของพื้นที่ทั้งหมดของยุโรป แต่มีสถานีชาร์จเพียง 493 แห่ง (0.2 เปอร์เซ็นต์) รวมทั้งหมด 225,000 แห่ง ซึ่งจากตัวเลขจุดบริการทั้งหมดก็ถือว่ามากเอาการแล้ว แต่เพื่อยกระดับและให้เพียงพอต่อการบริการพวกเขาจำเป็นต้องเพิ่มจุดบริการ
ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของยุโรปเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 89 ในปี 2563 โครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้อาจจะต้องนำไปเพื่อศึกษาวิจัยการมีนโยบายสร้างจุดบริการชาร์จใหม่กันอีกครั้ง ตามการคำนวณของ ACEA สหภาพยุโรปจะต้องใช้สถานีชาร์จสาธารณะมากถึง 6 ล้านแห่งเพื่อสนับสนุนความคิดริเริ่มในการช่วยรักษามาลพิษและลดการปล่อย CO2 หรือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจกอันเป็นพิษต่อโลก ลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2573 หรืออีกประมาณ 10 ปีนับจากนี้.
หากสหภาพยุโรปต้องการเร่งแผนการพัฒนาและทำให้รถ EV นั้นเป็นที่นิยมและใช้งานอย่างแพร่หลายแทนที่รถเครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซลในปัจจุบันไปใช้ให้เร็วที่สุด อาจจำเป็นต้องลงทุนในประเทศที่ขาดแคลนมากที่สุดและต้องเป็นประเทศที่ยอมรับรถ EV แล้วเป็นที่เรียบร้อย สุดท้ายการห้ามใช้น้ำมันในการขับเคลื่อนยานพาหนะทันทีนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากถ้าหากว่าในประเทศนั้นมีรถไฟฟ้ามากเกินจุดชาร์จ ความต้องการในการเลือกใช้งานรถ EV ก็จะลดลง และ หันกลับไปใช้น้ำมันกันอีกครั้ง
ข้อมูลจาก : www.rideapart.com , www.mocyc.com
ติดตามข่าวจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ : GGezBikeco
Facebook FanPage : GGezBikeco
เรียบเรียงโดย GGezBikeco